ราคา 6,500.-

รู้หรือไม่? ลูกน้อยนอนกรน เสี่ยงหยุดหายใจ
สาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้นในขณะหลับมักเกี่ยวข้องกับทอนซิลและอดีนอยด์โต โดยปกติขณะที่นอนหลับ ร่างกายมีการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ลำคอ ทำให้ช่องลำคอยวบตัว ส่งผลให้ทางเดินหายใจที่แคบอยู่แล้วเกิดการอุดกั้นโดยสิ้นเชิง เกิดการขาดออกซิเจนระหว่างการนอน ทำให้การนอนหลับไม่สมบูรณ์ การรบกวนระหว่างการนอนนี้ ส่งผลให้เด็กมีความผิดปกติทางพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญาและอารมณ์
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
สาเหตุอันดับหนึ่งที่พบบ่อยคือ ทอนซิลและอะดีนอยด์โต มักมีส่วนเกี่ยวเนื่องจากปัญหาภูมิแพ้ในเด็กหรือปัญหาการเป็นหวัดเรื้อรังซ้ำบ่อยๆ
อาการที่บ่งบอกว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ในช่วงเวลากลางวันเด็กมักอ้าปากหายใจ หายใจดัง อาจมี อาการคัดจมูกน้ำมูกไหลร่วมด้วย นอกจากนี้เด็กที่นอนไม่พอจะมีปัญหาเรื่องของสมาธิ ซนมากผิดปกติ อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนในเวลากลางคืน เด็กมีอาการนอนกรนเป็นประจำ และจะดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อยิ่งหลับลึก มีการหายใจติดขัด สะดุด นอนกระสับกระส่ายหรือนอนดิ้น เปลี่ยนท่าทางการนอนบ่อยๆ อาการเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่านอนหงาย ปัสสาวะรดที่นอน
ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยภาวะลูกนอนกรนอย่างละเอียด
การที่เด็กนอนกรน ไม่ว่าจะเป็น เด็กทารกนอนกรน หรือ เด็กเล็กนอนกรน สามารถวินิจฉัยได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แพทย์ซักถามอาการคร่าวๆ จากพ่อแม่เกี่ยวกับอาการนอนกรนของลูก เช่น ลูกหายใจทางปากขณะนอนหลับหรือไม่ หรือ ลูกนอนหายใจเสียงดังร่วมกับมีภาวะนอนกรนหรือไม่ เป็นต้น
- ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด ระบบหายใจ รวมถึงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งแนะนำว่าควรทำที่บ้านเพื่อได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำเพราะได้ลูกน้อยได้หลับนอนในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย
การรักษา
การรักษาแบบมาตรฐานและได้ผลดีมากที่สุด คือการผ่าตัดทอนซิลและอะดีนอยด์ เพื่อให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้น กำจัดแหล่งสะสมของเชื้อโรคในจมูก ทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงและมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่ำ อย่างไรก็ตามหากเด็กมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เช่น ภูมิแพ้ ควรควบคุมอาการภูมิแพ้ของเด็กด้วยเพราะการผ่าตัดไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องภูมิแพ้ของเด็กได้
การป้องกัน
หากเด็กมีอาการภูมิแพ้ ผู้ปกครองควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา และหากเด็กเป็นหวัด ควรได้รับการรักษาอย่างเต็มที่และควรให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายป่วย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมกับ เด็กที่มีประวัติภูมิแพ้หรือเป็นหวัดเรื้อรังซ้ำซาก เช่น การว่ายน้ำเป็นประจำ ควรรอให้เด็กมีอายุประมาณ 8 ปีขึ้นไปก่อนเพราะเด็กเริ่มมีภูมิต้านทานและกายวิภาคที่ดีขึ้น