มะเร็ง 5 อันดับ ที่พบบ่อยในผู้หญิง
จากข้อมูลสถาบันมะเร็งแห่งชาติรายงานว่า โรคมะเร็งที่พบในผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก ของผู้หญิงไทย ได้แก่
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- มะเร็งปอด
- มะเร็งมดลูก
ซึ่งผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเป็นได้ ถ้ารู้จักการป้องกันโรคก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้
อันดับ 1 มะเร็งเต้านม
เป็นมะเร็งที่พบมากอันดับ 1 ของหญิงไทย ความเสี่ยงของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ พันธุกรรม การกลายพันธุ์ของยีน BRCA การได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานาน เคยมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ น้ำหนักเกิน ขาดการออกกำลังกาย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาการที่บ่งบอกว่าอาจเป็นมะเร็งเต้านม เช่น คลำพบก้อนในเต้านมหรือใต้แขน บริเวณหัวนมบุ๋ม มีน้ำเหลืองไหลออกจากหัวนม มีแผล เต้านมมีผื่น แดง ร้อน ผื่นคล้ายผิวส้ม และมีอาการปวดบริเวณเต้านม หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์
การป้องกันเร็งเต้านม
ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรมพร้อมอัลตราซาวด์ (Digital Mammogram + Ultrasound Breast) ทุก 1-2 ปี
อันดับ 2 โรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับ 2 ของหญิงไทย เกิดได้กับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ กว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อผ่านการสัมผัสทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์และไม่ใช่เพศสัมพันธ์ ปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น ได้แก่ ช่วงอายุระหว่าง 40-50 ปี มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีบุตรหลายคน สูบบุหรี่ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
มะเร็งปากมดลูก ในระยะเริ่มแรกหรือระยะก่อนเป็นมะเร็ง จะไม่มีอาการใด ๆ เลย หากมีอาการแสดงว่าโรคได้ดำเนินไปมากแล้ว เช่น มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ประจำเดือนมานานผิดปกติ มีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือนแล้ว มีตกขาวมากและมีกลิ่นผิดปกติ
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ภายใน 3 ปีหลังการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์อาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Test) ร่วมกับการตรวจหาเชื้อ HPV และแนะนำฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ HPV ในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9 - 26 ปี ก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
อันดับ 3 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
เป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 3 ของหญิงไทย ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรค แต่ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งนี้ ได้แก่ อายุ โดยเฉพาะผู้ที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือเคยตรวจพบว่ามีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่มาก่อน มีประวัติเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน ชอบอาหารไขมันสูง ไม่ค่อยรับประทานผัก ผลไม้
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะต้น ๆ มักไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ จนในระยะท้ายของโรค ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ท้องผูก รู้สึกถ่ายไม่หมด ปวดมวนท้องไม่ทราบสาเหตุ อุจจาระมีเลือดปน ลักษณะอุจจาระเล็กเรียวยาวกว่าปกติ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีภาวะโลหิตจาง
การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
สามารถตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ด้วยการตรวจหาเลือดในอุจจาระ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) หรือวิธีอื่น ๆ ตั้งแต่อายุ 50 ปี แต่ปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้เริ่มพบในอายุที่น้อยลง จึงแนะนำผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงตรวจคัดกรองเร็วขึ้น คือเริ่มที่อายุ 40 ปี
อันดับ 4 โรคมะเร็งปอด
เป็นมะเร็งที่พบในผู้หญิงเป็นอันดับที่ 4 เป็นโรคที่มีความรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก คือ มากกว่าร้อยละ 60 ของผู้ป่วยตรวจพบโรคเมื่อเซลล์มะเร็งลุกลามเข้าสู่ระยะที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นระยะที่มีอัตราการอยู่รอด 5 ปีไม่ถึงร้อยละ 5 สาเหตุหลักของมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ แต่ผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยก็มีความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สูบบุหรี่แต่สัมผัสควันบุหรี่ (Second-Hand Smoking) และผู้ที่เคยรับสารพิษจากการสูดดมเมื่ออายุน้อย ๆ มะเร็งปอดจะมีอาการเมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะที่ 3-4 โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจผิดปกติ ติดเชื้อในปอดบ่อย เจ็บหน้าอก เสียงแหบ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากเป็นมะเร็งที่หลอดลมก็จะมีอาการไอเรื้อรัง บางรายอาจไอมีเลือดปน
การป้องกันมะเร็งปอด
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด เช่น ผู้สูบบุหรี่หรือมีประวัติสูบบุหรี่ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เลิกสูบมาไม่เกิน 15 ปี มีบุคคลในครอบครัวสูบบุหรี่ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้รับมลภาวะและสารพิษต่าง ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรตรวจคัดกรองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (Low-dose computerized tomography หรือ Low-dose CT) ซึ่งใช้ปริมาณรังสีน้อยแต่ให้ภาพที่มีความละเอียดสูงเช่นเดียวกับการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การตรวจจึงมีความปลอดภัยและแม่นยำ
อันดับ 5 มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
มะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 5 ของหญิงไทย สาเหตุของโรคยังไม่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศหญิง ดังนั้นผู้หญิงที่มีบุตรน้อยหรือไม่มีบุตร มีประจำเดือนต่อเนื่องแม้จะถึงวัยที่ควรหมดประจำเดือนแล้ว ภาวะฮอร์โมนไม่คงที่ เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รวมถึงผู้ป่วยเบาหวาน น้ำหนักตัวมาก อาจมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้มากขึ้น อาการของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก คือ ประจำเดือนผิดปกติ เช่น มาบ้างไม่มาบ้าง มานานกว่าปกติ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้งที่หมดประจำเดือนแล้ว
การป้องกันมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ผู้ที่มีภาวะประจำเดือนผิดปกติจึงจำเป็นต้องปรึกษาสูตินรีแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ แพทย์อาจตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์หรือใช้วิธีเก็บเซลล์จากโพรงมดลูกเพื่อตรวจ หรือใช้วิธีส่องกล้องเข้าทางปากมดลูกเพื่อตรวจโพรงมดลูกว่ามีเนื้องอกหรือมะเร็งหรือไม่
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์มะเร็งพิษณุเวช ฮอไรซัน
สถานที่
เวลาทำการ
เบอร์ติดต่อ
055-90-9000 ต่อ 520101, 520102