Header

การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram หรือ CAG)

blank ดร.นพ. กิติกร วิชัยเรืองธรรม

การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram หรือ CAG)

การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram หรือ CAG)


บางทีเรียก “การฉีดสี” เป็นการสอดสายสวนผ่านหลอดเลือดแดงแล้วฉีดสารทึบรังสีเพื่อตรวจวินิจฉัยการอุดตันและการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ หากพบความผิดปกติสามารถทำการรักษาต่อด้วยการทำบอลลูนและใส่ขดลวด

ข้อบ่งชี้ในการตรวจ

 

  1. ผู้ป่วยที่สงสัยมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ เช่น เหนื่อย แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  2. มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงที่ไม่ตอบสนองการรักษาด้วยยา
  3. ตรวจเพื่อเตรียมการผ่าตัดหัวใจ

การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจผ่านทางขาและแขน

การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ ทำได้ 2 จุดคือ


1) การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจบริเวณขาหนีบ (Femoral artery) 

 

  • ก่อนฉีดสีหัวใจจะใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ใช้ยาสลบ ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-60 นาที
  • หลังจากตรวจเสร็จจะดึงสายออก กดบริเวณขาหนีบประมาณ 15 นาที ไม่ต้องเย็บแผล
  • ให้ผู้ป่วยนอนราบ ห้ามงอขาหนีบ เป็นเวลา 6-10 ชั่วโมง และไม่สามารถลุกนั่งหรือเดินได้ในทันที

 

2) การฉีดสีหลอดเลือดหัวใจผ่านบริเวณข้อมือ (Radial artery)

 

  • เป็นการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ
  • ใช้ระยะเวลาพักฟื้น 4-8 ชั่วโมง
  • หลังจากทำหัตถการสามารถลุกนั่งหรือยืนได้ทันที
  • จะมีสายรัดข้อมือ (TR band) ใส่ไว้ แต่ไม่นานก็สามารถถอดออกได้

 

ขั้นตอนการเตรียมตรวจฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ

  • เตรียมเอกสารสิทธิ์ในการรักษาให้เรียบร้อย เซ็นเอกสารแสดงความยินยอมการฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ
  • นำยาเดิมมา รพ.ด้วย เช้าวันตรวจให้รับประทานยาตามปกติ (แต่ยังงดน้ำและอาหารอยู่) ยกเว้น ยาเบาหวาน
  • มานอน รพ. 1 วัน ก่อนฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ เพื่อตรวจเลือด เอกซเรย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
  • ควรมีญาติมาด้วย เพื่อร่วมฟังคำอธิบายแผนการรักษาจากแพทย์
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4 ชม. ก่อนตรวจ
  • ทำความสะอาดร่างกาย สระผม โกนขนบริเวณขาหนีบ หรือแขน
  • ปัสสาวะก่อนเข้าห้องฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ
  • ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินชีพจรส่วนปลาย (หลังเท้า) และข้อมือ ให้สารน้ำ ตามแผนการรักษาของแพทย์ อาจฉีดยาป้องกันการแพ้ยา สารทึบแสง และอื่น ๆ
  • ไม่ควรนำของมีค่า ไม่ใส่ชุดชั้นใน ฟันปลอม แว่นตา รองเท้า เข้าไปในห้องฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ

 

 

การปฏิบัติตัวหลังจากฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ

 

  • หลังจากฉีดสีหลอดเลือดหัวใจเสร็จแล้ว ผู้ป่วยจะกลับมาพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย เพื่อสังเกตอาการ
  • ไม่ควรลุกจากเตียง และไม่งอขาข้างที่ฉีดสีหลอดเลือด อย่างน้อย 6 - 8 ชั่วโมง (กรณีฉีดสีหลอดเลือดหัวใจบริเวณขาหนีบ)
  • หากบริเวณแผลมีอาการบวม หรือขาข้างที่ฉีดสีหลอดเลือดซีดหรือเย็นกว่าปกติควรแจ้งพยาบาลทราบ
  • ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน สามารถรับประทานอาหารได้ตามความเหมาะสม
  • ถ้าปวดแผล แพทย์จะให้รับประทานยาแก้ปวด
  • หากไม่มีปัญหาหลังจากการตรวจ สามารถกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น โดยให้รับประทานยาเดิมต่อไปจนถึงวันนัด หรืออาจมีการสั่งยาใหม่เพิ่มตามความเหมาะสม
  • ควรมีญาติมารับกลับบ้านเพื่อความปลอดภัย (ผู้ป่วยไม่ควรเคลื่อนไหวบริเวณแผลมากเกินไป)
  • หลังจากฉีดสีหัวใจ 5-7 วัน ไม่ควรทำงานหนักเพราะอาจทำให้แผลบวมได้

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการทำบอลลูนและใส่ขดลวด

(Percutaneous Transluminal Coronary Angioplasty หรือ PTCA & Stent)

เป็นการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่ง่ายและสะดวกเพราะไม่ต้องผ่าตัด เมื่อแพทย์วินิจฉัยจากการฉีดสีพบมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบแคบ แพทย์จะรักษาโดยการสอดสายเข้าไปยังหลอดเลือดหัวใจบริเวณที่ตีบแคบหรือตัน แล้วขยายด้วยบอลลูน หรือใส่ "ขดลวด" (Stent) เพื่อให้หลอดเลือดขยายจนเลือดสามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อีกครั้ง

การใส่ "ขดลวด" (Stent)

ในกรณีหลอดเลือดที่ตีบยังขยายได้ไม่กว้างพอ แพทย์จะใส่ขดลวดเล็ก ๆ (Stent) เข้าไปยึดติดกับผนังหลอดเลือด หรืออาจใช้ขดลวดที่เคลือบด้วยยาแทนขดลวดธรรมดา ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายหลอดเลือดแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการกลับมาตีบซ้ำได้อีกด้วย

ข้อดีของการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด

  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการผ่าตัดบายพาส เพราะไม่ต้องผ่าตัดและดมยาสลบ
  • นอนพักในโรงพยาบาลแค่ 1 – 2 วัน

 

ภาวะแทรกซ้อนของการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด

ภาวะแทรกซ้อนของการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ (พบได้ประมาณ 0.001%)
กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาจต้องผ่าตัดเพื่อตัดต่อเส้นเลือดหัวใจ

  • แพ้สารทึบรังสีรุนแรง
  • มีเลือดออกบริเวณที่ใส่สาย
  • หัวใจล้มเหลว
  • ไตวาย
  • อัมพาต


ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์หัวใจ

ศูนย์หัวใจ

สถานที่

อาคาร 4 ชั้น 5

เวลาทำการ

09:00 - 17:00 น.

เบอร์ติดต่อ

055-90-9000 ต่อ 520101, 520102

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

27 พฤษภาคม 2567

สูบบุหรี่ พฤติกรรมร้าย ทำลายหัวใจ

เสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญ ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสเสียชีวิตจากหัวใจวาย ในอายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งสูงกว่าผู้ไม่สูบถึง 5 เท่า สารพิษในควันบุหรี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดทั่วร่างกาย

blank โรงพยาบาลพิษณุเวช

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

27 พฤษภาคม 2567

สูบบุหรี่ พฤติกรรมร้าย ทำลายหัวใจ

เสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทย โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญ ผู้สูบบุหรี่มีโอกาสเสียชีวิตจากหัวใจวาย ในอายุประมาณ 30-40 ปี ซึ่งสูงกว่าผู้ไม่สูบถึง 5 เท่า สารพิษในควันบุหรี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดทั่วร่างกาย

blank โรงพยาบาลพิษณุเวช

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การตรวจโรคหัวใจ

โรคหัวใจ หมายถึง โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ โดยโรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น

การตรวจโรคหัวใจ

โรคหัวใจ หมายถึง โรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ โดยโรคหัวใจสามารถแบ่งย่อยได้เป็นหลายกลุ่มโรค เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ เป็นต้น

26 มิถุนายน 2567

โซเดียมแฝง ภัยเงียบแอบมากับอาหาร

โซเดียมแฝงเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไปสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพรุนแรงได้ การรู้จักแหล่งโซเดียมแฝงในอาหารและวิธีการลดการบริโภคโซเดียมจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กน้อย เช่น การอ่านฉลากโภชนาการ การเลือกอาหารสด และการปรุงอาหารที่บ้าน สามารถช่วยลดการบริโภคโซเดียมและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับร่างกาย

blank โรงพยาบาลพิษณุเวช

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

26 มิถุนายน 2567

โซเดียมแฝง ภัยเงียบแอบมากับอาหาร

โซเดียมแฝงเป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไปสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพรุนแรงได้ การรู้จักแหล่งโซเดียมแฝงในอาหารและวิธีการลดการบริโภคโซเดียมจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเล็กน้อย เช่น การอ่านฉลากโภชนาการ การเลือกอาหารสด และการปรุงอาหารที่บ้าน สามารถช่วยลดการบริโภคโซเดียมและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับร่างกาย

blank โรงพยาบาลพิษณุเวช

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม