Header

โรคซึมเศร้าหลังคลอด

07 พฤศจิกายน 2567

พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล

โรคซึมเศร้าหลังคลอด

โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังการคลอดบุตร โดยเฉพาะในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีหลังจากการคลอด ภาวะนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและสภาพจิตใจ โดยมีอาการคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้าทั่วไป เช่น รู้สึกเศร้า วิตกกังวล ไม่มีความสุข หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นแม่ที่ไม่ดี

อาการของโรคซึมเศร้านี้มีหลายระดับ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการรุนแรงที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ความเครียดจากการดูแลทารก และปัจจัยทางพันธุกรรม

แม้จะเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่หลายคน แต่โรคซึมเศร้าหลังคลอดสามารถจัดการและรักษาได้ การทำความเข้าใจและยอมรับว่าโรคนี้เป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้จะช่วยให้คุณแม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

 

โรคซึมเศร้าหลังคลอด: อาการ สาเหตุ และวิธีการจัดการ

โรคซึมเศร้าหลังคลอดเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในคุณแม่มือใหม่ เป็นโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งตัวคุณแม่เองและครอบครัวอย่างมาก ในบทความนี้ เราจะพาคุณมารู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุ อาการ และวิธีการจัดการ

 

โรคซึมเศร้าหลังคลอดคืออะไร?

โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression ) คือภาวะความเศร้าที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังจากการคลอดบุตร มักจะเกิดขึ้นภายในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด อาการของโรคนี้มักจะมีความคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้าแบบทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือการเกิดขึ้นภายหลังจากการคลอดบุตร อาการของโรคนี้ไม่ใช่เรื่องที่หายได้เองและต้องการการรักษาอย่างถูกวิธี

 

ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด "Baby Blues" กับโรคซึมเศร้าหลังคลอด“Postpartum depression”ต่างกันอย่างไร?

สิ่งที่ทำให้หลายคนสับสนคือความแตกต่างระหว่างภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด "Baby Blues" และโรคซึมเศร้าหลังคลอด “Postpartum depression”

Baby Blues เป็นอาการที่พบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอด เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาการมักจะเป็นเพียงชั่วคราวและหายไปในไม่กี่วัน แต่โรคซึมเศร้าหลังคลอดเป็นอาการที่รุนแรงกว่าและยาวนานกว่า ซึ่งต้องการการรักษาอย่างจริงจัง

 

สาเหตุของโรคซึมเศร้าหลังคลอด

มีหลายสาเหตุที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดเกิดโรคซึมเศร้าได้ ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมด้วย

 

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

หลังจากคลอดบุตร ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก โดยเฉพาะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ฮอร์โมนเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อสมองและอารมณ์ เมื่อระดับฮอร์โมนลดลง อาจทำให้คุณแม่รู้สึกเศร้า หงุดหงิด หรือวิตกกังวล

 

ความเครียดจากการดูแลทารก

การดูแลทารกแรกเกิดไม่ใช่เรื่องง่าย ความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงลูก การนอนหลับไม่เพียงพอ และการปรับตัวกับบทบาทใหม่อาจทำให้เกิดความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นโรคซึมเศร้า

 

ปัจจัยทางพันธุกรรมและประวัติสุขภาพจิต

ผู้ที่มีประวัติครอบครัวหรือประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าหรือโรคจิตเวช มีโอกาสเสี่ยงที่จะประสบกับโรคซึมเศร้าหลังคลอดมากขึ้น นอกจากนี้ หากคุณแม่เคยเป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคทางอารมณ์ก่อนหน้านี้ โอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดก็จะสูงขึ้น

 

อาการของโรคซึมเศร้าหลังคลอด

อาการของโรคซึมเศร้าหลังคลอดมีความหลากหลาย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ขณะที่บางคนอาจมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น

 

อาการทางจิตใจ:

  1. รู้สึกเศร้า : รู้สึกหมดหวัง หรือหดหู่ใจอย่างต่อเนื่อง
  2. ความรู้สึกผิดหรือไม่มั่นใจในตัวเอง : รู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดีหรือไม่มีความสามารถในการดูแลลูก
  3. อารมณ์แปรปรวน : รู้สึกโกรธ หงุดหงิด หรือวิตกกังวลมากเกินไปโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
  4. ความรู้สึกเหินห่างจากลูก : ไม่มีความรู้สึกผูกพันหรือรักลูกเหมือนที่คาดหวัง
  5. ความยากลำบากในการตัดสินใจ : ขาดสมาธิ หรือมีปัญหาในการจดจำสิ่งต่าง ๆ
  6. ความรู้สึกอ่อนล้า : ขาดพลังงานในการทำกิจวัตรประจำวัน รวมถึงการดูแลลูก
  7. ความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเองหรือลูก : ในกรณีรุนแรงอาจมีความคิดที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือลูก

อาการทางร่างกาย:

  1. ปัญหาในการนอนหลับ: นอนไม่หลับแม้ว่าจะเหนื่อยมาก หรือบางครั้งนอนมากเกินไป
  2. ความเหนื่อยล้าหรือหมดพลังงาน : รู้สึกอ่อนเพลียแม้จะนอนหลับอย่างเพียงพอ
  3. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักและการรับประทานอาหาร : อาจมีการเพิ่มหรือลดน้ำหนักอย่างผิดปกติ เนื่องจากรับประทานอาหารมากเกินไปหรือเบื่ออาหาร
  4. ปวดเมื่อยตามร่างกาย : มีอาการปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือปวดกล้ามเนื้อที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน

อาการอื่นๆ:

  • ขาดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ : สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขหรือสนุกสนานกลับไม่ดึงดูดความสนใจอีกต่อไป
  • ความรู้สึกวิตกกังวลสูง : ความกังวลเกี่ยวกับการดูแลลูกหรือการทำผิดพลาดจนเกินเหตุ

 

การวินิจฉัยและการรักษาโรคซึมเศร้าหลังคลอด

หากคุณแม่มีอาการที่บ่งชี้ถึงโรคซึมเศร้าหลังคลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์จะทำการประเมินจากประวัติและอาการทางจิตใจ รวมถึงอาจมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย

ขั้นตอนการวินิจฉัย:

  1. การประเมินอาการ : แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการทางจิตใจ เช่น รู้สึกเศร้า หมดหวัง หรือหงุดหงิดบ่อย ๆ นานเกินกว่า 2 สัปดาห์หรือไม่ รวมถึงการประเมินการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น ปัญหาการนอนหลับ ความเหนื่อยล้า และการรับประทานอาหาร

  2. การสอบถามประวัติสุขภาพจิต : การมีประวัติโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคจิตเวชอื่น ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้าหลังคลอด

  3. แบบทดสอบประเมินสุขภาพจิต : แพทย์อาจใช้แบบสอบถามหรือแบบทดสอบเพื่อประเมินระดับความซึมเศร้า เช่น Edinburgh Postnatal Depression Scale (EPDS) ซึ่งช่วยให้แพทย์ประเมินได้ว่าคุณแม่มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดหรือไม่

  4. การตรวจสุขภาพร่างกาย : แพทย์อาจตรวจร่างกาย ตรวจเลือดหรือตรวจสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจเป็นต้นเหตุของอาการ เช่น ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ

 

การบำบัดด้วยการพูดคุย (Talk Therapy)

  • การทำจิตบำบัดแบบประคับประคอง (Supportive Psychotherapy) : การพบกับนักจิตวิทยาหรือนักบำบัดเพื่อพูดคุยและเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ ความคิด และปัญหาที่เผชิญอยู่ ช่วยให้คุณแม่เข้าใจถึงสาเหตุของอาการซึมเศร้าและสามารถจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น
  • การทำจิตบำบัดแบบ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) : เป็นการบำบัดที่เน้นการเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า ช่วยให้คุณแม่เรียนรู้วิธีมองโลกในแง่บวกและปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่

 

การรักษาด้วยยา (Medication)

  • ยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants) : ในกรณีที่อาการซึมเศร้ารุนแรงหรือมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านซึมเศร้า ยาจะช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) เพื่อรักษา
  • การใช้ยาในขณะให้นมบุตร : แพทย์จะพิจารณายาที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูก และอาจปรับขนาดยาเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยสำหรับทารก

การสนับสนุนจากครอบครัวและสังคม

การได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัว เพื่อน หรือคนที่เขาใจ เช่น คุณแม่ที่เคยมีอาการซึมเศร้าหลังคลอดเป็นสิ่งสำคัญ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนที่เข้าใจสถานการณ์เดียวกันช่วยลดความเครียดและเพิ่มกำลังใจในการฟื้นตัว

การป้องกันโรคซึมเศร้าหลังคลอด

ถึงแม้ว่าโรคซึมเศร้าหลังคลอดจะเป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่มีหลายวิธีที่คุณแม่สามารถทำเพื่อลดความเสี่ยงจะเกิดโรคได้

เตรียมความพร้อมทางจิตใจก่อนคลอด

  • การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะหลังคลอด : การเรียนรู้และเตรียมตัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจที่อาจเกิดขึ้นหลังคลอด รวมถึงความรู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าหลังคลอด จะช่วยให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวและรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • พูดคุยกับครอบครัวหรือผู้เชี่ยวชาญ : การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคซึมเศร้าหลังคลอด โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีประวัติสุขภาพจิต เช่น เคยมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลตนเองตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์

การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ

  • การนอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ : หลังคลอดคุณแม่มักพบกับความเหนื่อยล้าจากการดูแลทารก การพักผ่อนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ การจัดสรรเวลานอนแม้ว่าจะไม่ได้นอนติดต่อกันเป็นเวลานานก็ควรจัดให้เพียงพอ โดยอาจขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวเพื่อแบ่งเบาภาระ
  • การออกกำลังกายเบา ๆ : การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และเอ็นโดรฟิน (Endorphins) ที่มีส่วนช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียดได้ กิจกรรมง่าย ๆ อย่างการเดินเล่นในสวนหรือการทำโยคะก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้

สร้างระบบสนับสนุนทางสังคม

  • การขอความช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อน : การได้รับการเข้าใจและช่วยเหลือจากคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว การพูดคุยหรือแบ่งปันความรู้สึกกับคนที่เข้าใจจะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล
  • เข้าร่วมกลุ่มคุณแม่หลังคลอด : การเข้าร่วมกลุ่มหรือคลับคุณแม่หลังคลอดสามารถช่วยให้คุณแม่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณแม่คนอื่น ๆ ที่มีปัญหาคล้ายกัน และสามารถเรียนรู้วิธีการจัดการกับปัญหาหรือความท้าทายที่เกิดขึ้นหลังคลอดได้

จัดการความคาดหวัง

  • ยอมรับความเปลี่ยนแปลง : คุณแม่ควรเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจที่อาจเกิดขึ้นหลังคลอด การยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความกดดันและความเครียด
  • ไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบ : อย่าคาดหวังว่าจะต้องเป็นคุณแม่ที่สมบูรณ์แบบ การดูแลลูกเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวได้ทีละน้อย การยอมรับความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้

การขอความช่วยเหลือเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

  • ปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยา : หากคุณแม่เริ่มรู้สึกว่าตนเองมีอาการที่เข้าข่ายโรคซึมเศร้าหลังคลอด เช่น ความรู้สึกเศร้า ความเหนื่อยล้า หรือวิตกกังวลมากเกินไป ควรรีบขอคำปรึกษาจากแพทย์หรือนักจิตวิทยาแต่เนิ่น ๆ การป้องกันและรับการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการจะช่วยลดความรุนแรงของโรคซึมเศร้าได้
  • การทำบำบัดหรือใช้ยารักษา : สำหรับคุณแม่ที่มีประวัติโรคซึมเศร้า ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อป้องกันอาการกำเริบหลังคลอด ยาต้านซึมเศร้าบางชนิดสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยขณะให้นมบุตร โดยแพทย์จะพิจารณายาที่เหมาะสมตามสภาพร่างกายและจิตใจของคุณแม่

การวางแผนดูแลตนเองหลังคลอด

  • วางแผนล่วงหน้า : ก่อนคลอด ควรวางแผนเกี่ยวกับการดูแลลูกและการจัดการกับความรับผิดชอบภายในครอบครัว เพื่อให้คุณแม่สามารถแบ่งเวลาในการพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
  • ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด : คุณแม่ควรเตรียมตัวขอความช่วยเหลือจากคู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัวเพื่อแบ่งเบาภาระงานบ้านและการดูแลลูกน้อย

 

บทสรุป

โรคซึมเศร้าหลังคลอดเป็นโรคที่คุณแม่หลายคนอาจต้องเผชิญ มันไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลก การรับรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันไม่เพียงแต่ส่งผลต่อคุณแม่ แต่ยังส่งผลต่อครอบครัวและความสัมพันธ์กับลูก หากคุณแม่รู้สึกว่าตนเองเริ่มมีอาการซึมเศร้า การรับการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแม่กลับมามีสุขภาพจิตที่ดีและสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกและครอบครัวได้อีกครั้ง

ภาวะอารมณ์เศร้าหลังคลอด "Baby Blues" กับโรคซึมเศร้าหลังคลอด “Postpartum depression” ต่างกันอย่างไร?

มีความคล้ายคลึงกันในแง่ที่เกิดขึ้นหลังคลอดและส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคุณแม่ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในด้านความรุนแรงและระยะเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจ การรู้เท่าทันและดูแลสุขภาพจิตหลังคลอดจะช่วยให้คุณแม่ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ได้อย่างมั่นใจ

คลิกขอคำปรึกษา



แพทย์ประจำศูนย์

แผนกอายุรกรรม

นพ.ศราวุฒิ มากล้น

อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ

ศูนย์วิจัยรังสีวินิจฉัย

พญ.ปวีณา พหลเทพ

รังสีแพทย์

ศูนย์ฉุกเฉินและอุบัติเหตุ

พญ.ณัฐชยา รอดแป้น

แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

โภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์สำคัญอย่างไร

ปัจจุบันการเตรียมความพร้อมทางด้านสารอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเตรียมตัวเป็นคุณแม่จำเป็นต้องมีการเสริมสารอาหารบางชนิดตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันโรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์

โภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์สำคัญอย่างไร

ปัจจุบันการเตรียมความพร้อมทางด้านสารอาหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่กำลังจะเตรียมตัวเป็นคุณแม่จำเป็นต้องมีการเสริมสารอาหารบางชนิดตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันโรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์

MFM ดูแลครรภ์คุณแม่ตั้งแต่วันแรกจนเจ้าตัวเล็กคลอด

“อายุเยอะ ภาวะครรภ์เสี่ยง วางใจให้ MFM ดูแล” ความกังวลถึงความแข็งแรงและความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์ เป็นสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนต่างต้องเผชิญ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูง ยิ่งต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะช่วงเวลาของการตั้งครรภ์คือช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM) จึงมีความสำคัญอย่างมากในการดูแลแบบเชิงลึก เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรงและทารกในครรภ์ลืมตาดูโลกอย่างราบรื่น พร้อมจะเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต

พญ.วิลาสินี ชาญสินธุ์ พญ.วิลาสินี ชาญสินธุ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
MFM ดูแลครรภ์คุณแม่ตั้งแต่วันแรกจนเจ้าตัวเล็กคลอด

“อายุเยอะ ภาวะครรภ์เสี่ยง วางใจให้ MFM ดูแล” ความกังวลถึงความแข็งแรงและความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์ เป็นสิ่งที่คุณแม่มือใหม่ทุกคนต่างต้องเผชิญ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะครรภ์เสี่ยงสูง ยิ่งต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะช่วงเวลาของการตั้งครรภ์คือช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การได้รับการดูแลโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (MFM) จึงมีความสำคัญอย่างมากในการดูแลแบบเชิงลึก เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรงและทารกในครรภ์ลืมตาดูโลกอย่างราบรื่น พร้อมจะเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต

พญ.วิลาสินี ชาญสินธุ์ พญ.วิลาสินี ชาญสินธุ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม