Header

โรคซึมเศร้า

13 สิงหาคม 2567

พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล

โรคซึมเศร้า รู้จักอาการ รับมือ รักษาได้

โรคซึมเศร้า รุมเร้าสังคมไทย

ช่วงหลายปีผ่านมา นับตั้งแต่วิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของผู้ป่วยอย่างรุนแรง โดยสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ในบทความนี้เราจะสำรวจสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าอย่างละเอียดเพื่อเพิ่มความเข้าใจและการรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยเสี่ยงโรคซึมเศร้า

ปัจจัยทางพันธุกรรม

โรคซึมเศร้าอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยทางพันธุกรรม หากมีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคซึมเศร้า ความเสี่ยงที่บุคคลในครอบครัวนั้นจะเป็นโรคนี้ก็จะเพิ่มขึ้น

ปัจจัยทางชีวภาพ

ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) สามารถทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงการตั้งครรภ์หรือภาวะหมดประจำเดือน ก็สามารถเป็นสาเหตุได้เช่นกัน

ปัจจัยทางจิตวิทยา

ประสบการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก เช่น การสูญเสียคนรัก การถูกทำร้าย หรือประสบการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคซึมเศร้าได้

9 ข้อสังเกต เข้าข่ายโรคซึมเศร้า คุณมีอาการแบบนี้ใช่หรือไม่?

  1. มีอารมณ์ซึมเศร้าแทบทั้งวัน (ในเด็กและวัยรุ่นอาจเป็นอารมณ์หงุดหงิดก็ได้)
  2. ความสนใจหรือความเพลิดเพลินในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงอย่างมากแทบทั้งวัน
  3. น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (น้ำหนักเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือมีการเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมาก
  4. นอนไม่หลับ หรือหลับมากไป
  5. กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข หรือเชื่องช้าลง
  6. อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง
  7. รู้สึกตนเองไร้ค่า
  8. สมาธิลดลง ใจลอย หรือลังเลใจไปหมด
  9. คิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย

ลองสังเกตตนเองหรือคนรอบข้างเข้าข่ายโณคซึมเศร้าหรือไม่ ด้วย 9 ข้อสังเกตง่ายๆ ซึ่งเป็นข้อสำรวจที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยโรคซึมเศร้า หากมีอาการ 5 ข้อขึ้นไป และมีข้อ 1 และ/หรือข้อ 2 อยู่ด้วย หากอาการ 5 ใน 9 ข้อดังกล่าวเป็นยาวนานเกิน 2 สัปดาห์ ถือว่าเข้าข่ายเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า ควรปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาต่อไป

 

อาการของโรคซึมเศร้า

อาการทางจิตใจ

ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะมีอารมณ์เศร้า เบื่อหน่าย รู้สึกหดหู่ ไม่สนุกกับกิจกรรมที่เคยชอบ ขาดความสนใจในสิ่งรอบตัว รู้สึกผิดหวังกับตนเอง และมีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเองหรือการฆ่าตัวตาย

อาการทางร่างกาย

โรคซึมเศร้าสามารถทำให้เกิดอาการทางร่างกายเช่น ความเหนื่อยล้า นอนไม่หลับหรือนอนหลับมากเกินไป เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป น้ำหนักลดหรือเพิ่มอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวเร็วกระวนกระวายหรือเคลื่อนไหวเชื่องช้ากว่าปกติ

อาการทางสังคม

ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอาจรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อยากพบปะผู้คน หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาในที่ทำงานหรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

 

การตรวจวินิจฉัย รักษา ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

การตรวจประเมินโดยแพทย์

แพทย์จะทำการสัมภาษณ์ประวัติและอาการที่เกิดขึ้น มีการตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัย ประเมินความรุนแรงของโรคซึมเศร้าและกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสม

การใช้แบบสอบถามเพื่อคัดกรองและประเมินความรุนแรง 

หากมีอาการสงสัยอาจลองทำแบบประเมินโรคซึมเศร้า 9 คำถาม PHQ-9 (Patient Health Questionnaire-9) เพื่อคัดกรองเบื้องต้นและประเมินความรุนแรงก่อนเข้าพบแพทย์ 

การตรวจเลือด

ในบางกรณี แพทย์อาจทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจหาสาเหตุต่างๆที่สงสัยของโรคซึมเศร้า เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์/ฮอร์โมนเพศ หรือสารเคมีในร่างกาย
 

การรักษาโรคซึมเศร้า

ปัจจุบันมีหลายวิธีในการรักษาโรคซึมเศร้าให้อาการดีขึ้นและหายได้

การใช้ยา

ยากลุ่มต้านเศร้า ใช้เพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมองให้กลับสู่สมดุล โดยยากลุ่มต้านเศร้ามีหลายชนิด ชนิดของยาและระยะเวลาทานยาขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและความรุนแรงของโรคในแต่ละคน ควรทานยาตามระยะเวลาที่แพทย์ประเมินเพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคซ้ำ


การรักษาด้วยจิตบำบัด

การทำจิตบำบัดมีหลายวิธี มักทำควบคู่กับการรักษาด้วยยา หรือหากอาการไม่มากหรือไม่รุนแรง อาจรักษาด้วยจิตบำบัดอย่างเดียวได้
การทำจิตบำบัดมีหลายวิธี เช่น การบำบัดด้วยการปรับพฤติกรรมและความคิด (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) และการทำจิตบำบัดเรื่องสัมพันธภาพระหว่างผู้คน (Interpersonal Psychotherapy), การทำจิตบำบัดครอบครัว(Family Therapy) ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการจัดการกับความเครียดและปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าได้

การรักษาอื่นๆ

  • การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Transcranial magnetic stimulation; TMS) ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองด้วยการใช้ยา หรือมีข้อห้ามในการใช้ยา ทนผลข้างเคียงของยาไม่ได้
  • การรักษาด้วยไฟฟ้า (electroconvulsive therapy; ECT) ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมาก ความเสี่ยงในการทำร้ายตนเองสูง

 
การดูแลตนเองและการป้องกันโรคซึมเศร้า

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดความเครียดและเพิ่มสารเคมีในสมองที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เช่น เอ็นดอร์ฟิน (endorphin)

การพักผ่อนและการนอนหลับ

การพักผ่อนที่เพียงพอและการนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นฟูได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดอาการซึมเศร้า 

การดูแลตนเอง

การรักษาสมดุลในการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้มีเวลาทำกิจกรรมผ่อนคลาย กิจกรรมในการดูแลตนเอง เช่น การทำสมาธิ รู้ทันความรู้สึกอารมณ์ที่เข้ามา ฝึกทักษะในการจัดการอารมณ์

การมีคนรอบข้าง สิ่งแวดล้อมที่พร้อมให้ความรักความเข้าใจ

การมีคนรอบข้างที่เข้าใจ รับฟังและช่วยเหลือกันการแก้ไขปัญหา เป็นตัวช่วยสนับสนุนและป้องกันการเกิดโรคซึมเศร้า

 

กำลังใจคือสิ่งที่ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

หากเราพบหรือเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เราควรรู้จักวิธีการเยียวยาจิตใจ ให้ผู้ป่วยรู้สึกมีค่า มีกำลังใจในชีวิตมากขึ้น เริ่มได้จากการเป็นผู้ฟังที่ดี จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถสื่อสารกับผู้ป่วยด้วยประโยคเหล่านี้

  • ฉันอาจจะไม่เข้าใจเธอ แต่ฉันเป็นห่วงและพร้อมรับฟังนะ
  • เธอไหวไหม มีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้นะ
  • เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ เธอยังมีฉันอยู่ข้างๆเสมอนะ
  • เธออยากให้เราช่วยอะไร บอกได้นะ
  • ข้อความดังกล่าว จะช่วยให้ผู้ป่วยซึมเศร้าไม่รู้สึกกดดัน และทำให้ผู้ป่วยทบทวนความคิดตนเองได้มากขึ้น ส่วนคำพูดที่ชวนให้ผู้ป่วยต้องคิดเปรียบเทียบ และยิ่งเป็นการซ้ำเติม ภาวะที่ผู้ป่วยประสบปัญหาอยู่ ควรจะต้องระวังประโยคเหล่านี้
  • คิดไปเองหรือเปล่า?
  • ใครๆก็ต้องผ่านเรื่องแบบมานี้แหละ
  • หยุดคิดเรื่องที่ทำให้เครียดสิ
  • มีคนที่แย่กว่าเราอีกตั้งเยอะ สู้ๆนะ
  • หัดช่วยตัวเองสิ เรื่องแค่นี้เอง

คลิกขอคำปรึกษา

 

ทำอย่างไร จึงห่างไกลจากโรคซึมเศร้า? 

หมั่นดูแลตนเองให้สุขภาพดี ด้วยการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดความเครียดและเพิ่มสารเคมีในสมองที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เช่น เอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยง การใช้สารเสพติด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ให้เวลากับตนเอง ฝึกจิตใจให้คิดบวก

มุมมองความคิดจะทำให้เราปฏิบัติหรือแสดงออกมาต่อสิ่งรอบข้าง ดังนั้นควรฝึกมุมมองและความคิดให้พยายามคิดบวก มองโลกในแง่ดี ไม่กล่าวโทษตัวเอง ควรหางานอดิเรก ที่ส่งเสริมความคิด คลายเครียด หรือทำในสิ่งที่รู้สึกตัวเองมั่นใจ มีคุณค่า หลีกเลี่ยงให้ห่างจากคนที่ส่งเสริมให้คิดลบ

การรักษาสมดุลในการทำงานและชีวิตส่วนตัว

การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Life Style) ที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขในการดำเนินชีวิต แบ่งเวลาให้ตัวเองไปทำกิจกรรมที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย พยายามไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดหรือดูข่าวร้ายที่ทำให้จิตใจหดหู่ หากมีการใช้ยารักษาโรคอยู่ไม่ควรหยุดยาเอง ยิ่งเป็นยารักษาโรคด้านจิตเวชควรทำตามคำแนะนำที่แพทย์สั่ง

คนรอบข้างสำคัญเสมอ

การมีคนรอบข้างที่เข้าใจและสนับสนุนช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและสามารถรับมือกับโรคซึมเศร้าได้ดียิ่งขึ้น

บทสรุป

โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งจิตใจร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย หากมีความเข้าใจรู้จักสาเหตุ อาการ แนวทางการรักษาจะสามารถดูแลและช่วยเหลือผู้ป่วยให้หายได้ อาการต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงอารมณ์เศร้าธรรมดาหรือการคิดไปเอง แต่เป็นโรคชนิดหนึ่งที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณเข้าใจโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น หากมีคำถามหรือความต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา
 



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

สุขภาพจิต

แผนกสุขภาพจิต

สถานที่

อาคาร 4 ชั้น 1

เวลาทำการ

08:00 - 17:00 น.

เบอร์ติดต่อ

055-90-9000 ต่อ 520101, 520102

แพทย์ประจำศูนย์

แผนกสุขภาพจิต

พญ.ปุณยนุช ผลเงินชัย

จิตเวชศาสตร์

แผนกสุขภาพจิต

แผนกสุขภาพจิต

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

07 พฤศจิกายน 2567

โรคซึมเศร้าหลังคลอด

โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังการคลอดบุตร โดยเฉพาะในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีหลังจากการคลอด ภาวะนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและสภาพจิตใจ โดยมีอาการคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้าทั่วไป เช่น รู้สึกเศร้า วิตกกังวล ไม่มีความสุข หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นแม่ที่ไม่ดี

พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

07 พฤศจิกายน 2567

โรคซึมเศร้าหลังคลอด

โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum Depression) เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังการคลอดบุตร โดยเฉพาะในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีหลังจากการคลอด ภาวะนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและสภาพจิตใจ โดยมีอาการคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้าทั่วไป เช่น รู้สึกเศร้า วิตกกังวล ไม่มีความสุข หรือรู้สึกว่าตนเองเป็นแม่ที่ไม่ดี

พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล พญ.ทินารมภ์ ชัยพุทธานุกูล

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม