Header

การส่องกล้องผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วนวิธีใหม่

NARANON-BOONYUEN นพ.นรนนท์ บุญยืน

การส่องกล้องผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วนวิธีใหม่

โรคอ้วน นอกจากจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะผ่านกล้องแผลเล็ก (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy) คือการลดน้ำหนักด้วยวิธีการส่องกล้อง ซึ่งให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับการผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหารแบบเดิมโดยที่ไม่ต้องมีการผ่าตัดเปิดแผลที่หน้าท้อง มีความแม่นยำและมีแผลเล็กกว่า คนไข้จึงฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงจากอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

โรคอ้วน นอกจากจะทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจแล้วยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2
โรคข้อเสื่อม โรคไตวาย โรคตับอักเสบจากภาวะไขมันพอกตับ และโรคมะเร็งอีกด้วย การผ่าตัดเย็บกระเพาะอาหารแบบเดิมๆ สามารถช่วยป้องกันโรคอ้วนได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่อาจมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากแผลผ่าตัดที่หน้าท้อง และใช้เวลาฟื้นตัวนาน



คำนิยามของโรคอ้วน คือ ภาวะที่มีน้ำหนักตัว หรือสัดส่วนไขมันในร่างกายมากผิดปกติ โดยใช้เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (Body mass index: BMI) เป็นตัวกำหนด โดยทั่วไปโรคอ้วนจะถูกกำหนดโดยการคำนวณดัชนีมวลกาย(BMI)  ซึ่งมีภาวะการสะสมสัดส่วนไขมันในร่างกายมากกว่าสมดุลปกติ เกณฑ์ที่กำหนดว่าเริ่มเป็นโรคอ้วน คือ BMI มากกว่าเท่ากับ 25  kg/m²

ค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI (Body Mass Index) คือ ตัวชี้วัดมาตรฐานแสดงสภาวะความสมดุลของร่างกาย คำนวณโดยใช้สูตร
“ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) x ส่วนสูง (เมตร)”
คนปกติ ควรมีค่า BMI อยู่ที่ 18.5 – 22.9 kg/m² หากมากหรือน้อยกว่านี้ จะเกิดภาวะทุพโภชนาการและโรคต่างๆ

  • ค่า BMI 23.0 – 24.9 kg/m² เรียกว่า “น้ำหนักเกิน”
  • ค่า BMI  25.0 -29.90 kg/m²  “อ้วนระดับ 1”
  • ค่า BMI  มากกว่า 30 kg/m²  อ้วนระดับ 2

หากดัชนีมวลกาย (BMI) เกินกว่า 25 kg/m² ถือว่าเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน (Obesity) ซึ่งถือเป็นความผิดปกติ ของร่างกาย ที่มีปริมาณไขมันสะสมตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ เกินมาตรฐาน จำเป็นต้องมีการลดน้ำหนัก ควบคุมปริมาณ น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต และไขมัน เพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง และโรคแทรกซ้อนตามมา

ปัจจุบันวิถีการดำเนินชีวิตมีความเร่งรีบ การเลือกทานอาหารลดน้อยลง ตามสถิติขององค์การอนามัยโลกคนไทยเกือบหนึ่งในสามมีน้ำหนักตัวมากจนเป็นโรคอ้วนแล้ว เป็นอันดับสองของภูมิภาคอาเซียน รองจากมาเลเซีย ส่วนประเทศที่ประชากรเฉลี่ยอ้วนที่สุดในโลกคือ สหรัฐอเมริกา และจีน

นอกจากจะเป็นโรคอ้วนแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคร่วมต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายตามมาโดยอาจจะไม่รู้ตัวอีกด้วย ได้แก่

  1. โรคเบาหวานชนิดที่2
  2. โรคความดันโลหิตสูง
  3. ภาวะไขมันในเลือดสูง
  4. นอนกรน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive sleep apnea:OSA)
  5. ถุงน้ำรังไข่ ประจำเดือนผิดปกติ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS)
  6. โรคไขมันพอกตับ (Non-alcoholic Fatty Liver Disease :NAFLD) /โรคตับคั่งไขมันที่มีภาวะตับอักเสบ (Non-alcoholic steatohepatitis:NASH)
  7. โรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular disease)
  8. ปวดข้อ ข้อเสื่อมก่อนวัย โดยเฉพาะข้อรองรับน้ำหนัก เช่น หลัง สะโพก เข่า ข้อเท้า
  9. หอบหืด เหนื่อยง่าย

โรคร่วมเหล่านี้ส่งผลต่อกิจวัตรประจำวันทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย การป้องกันและจัดการกับโรคอ้วน โดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์มีความสมดุลพอดีต่อความต้องการของร่างกาย หากเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือลดน้ำหนักได้มากพอ จะส่งผลให้โรคร่วมหลายชนิดสามารถดีขึ้นจนถึงหายขาดได้ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต

ผู้ที่มีภาวะอ้วน ต้องเผชิญกับการลดน้ำหนัก บางคนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวขึ้นได้จนเป็นปัญหาต่อสุขภาพ การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับผู้ที่มีภาวะอ้วนที่เป็นโรค ซึ่งคุณสมบัติ ข้อบ่งชี้ในการรักษา มีดังนี้

  1. ผู้รับบริการต้องมี อายุ 18-65 ปี
  2. มีข้อบ่งชี้อย่างน้อยหนึ่งข้อ ดังนี้ดังต่อไปนี้
    • มีดัชนีมวลกาย(BMI) 37.5 kg/m²  ขึ้นไปที่ไม่มีโรค
    • มีดัชนีมวลกาย(BMI) 32.5 kg/m²  ขึ้นไปมีโรคร่วม โดยเป็นผู้ป่วยโรคอ้วนที่เป็นเบาหวานชนิดที่2 หรือ ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) มีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
      • ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท
      • ภาวะไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia or Hyperlipidemia)
      • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea :OSA)
      • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome: PCOS)
      • โรคไขมันพอกตับ (Non-alcoholic Fatty Liver Disease :NAFLD) / โรคตับคั่งไขมันที่มีภาวะตับอักเสบ (Non-alcoholic steatohepatitis :NASH)
      • โรคหัวใจ และหลอดเลือด (Cardiovascular diseases)
      • ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
      • ภาวะหลอดเลือดดำบกพร่องเรื้อรัง (Chronic Venous Insufficiency :CVI)
      • โรคหลอดเลือดสมอง (CVD)
      • น้ำหนักผิดปกติจากผลของฮอร์โมน
      • น้ำหนักผิดปกติที่เกิดจากโรคกล้ามเนื้อและกระดูก
      • ผู้ที่ควบคุมเบาหวานไม่ได้ และมีค่าดัชนีมวลกาย 30.0 kg/m²  ขึ้นไป โดยทั้งสองกรณี ผู้รับบริการได้พยายามควบคุมอย่างเต็มที่แล้วโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรมต่อมไร้ท่อและโภชนาการ แต่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย 
    • ผู้ควบคุมเบาหวานไม่ได้ และมีค่าดัชนีมวลกาย ระหว่าง 27.5 - 30.00 kg/m²  ขึ้นไป ที่ต้องดูแลโดยแพทย์อย่างเคร่งครัด 

สิ่งสำคัญหลังจากการผ่าตัดลดกระเพาะอาหารเรียบร้อยแล้ว หลังจากการผ่าตัดต้องมีการปรับพฤติกรรม และการควบคุมปริมาณอาหารทานให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย โดยการแนะนำจากทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อส่งผลให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพ และฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

 

โดยทั่วไปแล้วโรคอ้วนมักขึ้นอยู่กับวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ทั้งด้านพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ส่งผลต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งหลักๆ แล้วโรคอ้วนสามารถรักษาได้ดังนี้

1.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Weight management:Lift style and Behavior modification,Medical treatment) เป็นการจัดการน้ำหนักโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งเทคนิคกระบวนการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และด้านโภชณาการที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก  ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่งเสริมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย


2.การรักษาโดยยา (Medical Treatment)

  • Liraglutide: ปากกาลดน้ำหนัก หรือ ยาฉีดลิรากลูไทด์ เป็นยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐเพื่อใช้ในการลดหรือควบคุมน้ำหนัก โดยตัวยาจะช่วยลดความอยากอาหาร มักใช้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลิรากลูไทด์เป็นสารเปปไทด์ที่ออกฤทธิ์เหมือนกลูคากอนชนิดที่ 1 ที่ทําหน้าที่เป็นยากระตุ้นตัวรับเปปไทด์ที่เหมือนกลูคากอนชนิดที่ 1 ซึ่งพบได้ในระบบทางเดินอาหารของคนเรา สารดังกล่าวช่วยลดน้ำตาลในเลือดและลดการบีบตัวขับเคลื่อนของกระเพาะอาหาร ทำให้ผู้ที่ได้รับยาชนิดนี้รู้สึกอิ่มเป็นระยะเวลานานขึ้น
  • Duraglutide:เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานประเภท 2 ร่วมกับการรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองในสหรัฐอเมริกาในการลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดหัวใจที่สำคัญในผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจหรือปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ

3.วิธีการผ่าตัด Bariatric Surgery เป็นการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก ก่อนที่จะพิจารณาการผ่าผัดลดขนาดกระเพาะ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษาและอยู่ในความดูแลของทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อลดความเสี่ยงและพิจารณาเลือกการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะตัวบุคคล
กระเพาะลดน้ำหนักแบบส่องกล้องมี 3 วิธี 

  • ผ่าตัดแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy) เป็นการผ่าตัดที่ทำมากที่สุด ความซับซ้อนน้อยว่าวิธีอื่น  โดยการใช้อุปกรณ์ตัดเย็บแบบพิเศษ ทำการตัดแต่งกระเพาะให้เรียวตรงให้เหลือประมาณ 15-20% ส่งผลให้ลดฮอร์โมนความอยากอาหาร (Ghrelin) ทำให้ทานได้น้อยลง ผู้ป่วยจะหิวลดลงอย่างชัดเจน ร่วมกับทานได้น้อยลง  จึงทำให้สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 60-70% ภายใน 1 ปีหลังผ่าตัด โอกาสเกิดภาวะขาดสารอาหาร แร่ธาตุ วิตามินต่างๆ มีน้อยกว่าผ่าตัดแบบอื่นๆ 
  • ผ่าตัดแบบบายพาส (Roux-en-Y gastric bypass) เป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อนขึ้น โดยการผ่าตัดกระเพาะให้เป็นกระเปาะ ประมาณ 25-30 ซีซี  ร่วมกับการผ่าตัดบายพาสลำไส้เล็ก หลังผ่าตัดจะสามารถช่วยเพิ่มระดับการทำงานของ ฮอร์โมนความอิ่ม ลดความหิว ทานได้น้อยลง และลดการดูดซึมอาหารลง สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 70-80% ซึ่งเหมาะกับคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานรุนแรง วิธีนี้สามารถช่วยเรื่องเบาหวานได้ดีกว่าวิธีแรก และผลลัพธ์ดีในผู้ป่วยอ้วนที่มีภาวะโรคกรดไหลย้อน แต่โอกาสเกิดภาวะ ขาดวิตามิน แร่ธาตุ มีมากกว่า โดยเฉพาะวิตามิน B12 ซึ่งจำเป็นต้องรับวิตามินเสริมต่อเนื่องทุก 6-12 เดือน
  • ผ่าตัดแบบสลีฟพลัส (Sleeve gastrectomy Plus) เป็นวิธีการผ่าตัดที่พัฒนามาจาก การผ่าตัดแบบสลีฟ (Sleeve gastrectomy) และการผ่าตัดแบบบายพาสลำไส้เล็กให้ระยะดูดซึมสารอาหารสั้นลง ซึ่งผลลัพธ์สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินได้ถึง 70-80% และผลลัพธ์การช่วยในโรคเบาหวาน ดีเทียบเท่าแบบบายพาส โดยวิธีสลีฟพลัสนี้ จะแบ่งเป็นวิธีย่อย ๆ ที่แตกต่างกันได้อีกหลายวิธีตามความเหมาะสมของคนไข้ 

สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะกับทุกคน ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อเทียบประโยชน์ที่จะได้รับ กับความเสี่ยงของการผ่าตัดรวมถึงตรวจร่างกาย เพื่อดูความพร้อมของสภาพร่างกายในแต่ละบุคคล สามารถประเมินเบื้องต้นจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) คือ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) >32.5 kg/m² ร่วมกับมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น และค่าดัชนีมวลกาย (BMI) >37.5 kg/m² เหล่านี้ เข้าเกณฑ์ที่แนะนำว่าสามารถผ่าตัดได้ กรณีอื่น ๆ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เช่นกัน

ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นได้ตามอายุและโรคประจำตัวของผู้ป่วย ในผู้ป่วยโรคอ้วน ผู้ป่วยที่น้ำหนักมาก, โรคประจำตัวมาก หรือเคยผ่าตัดช่องท้องมาก่อน ก็จะมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดมากขึ้น
ภาวะการขาดวิตามิน เกลือแร่ เนื่องจากการผ่าตัดกระเพาะทำให้ผู้ป่วยทานอาหารน้อยลง  ส่งผลให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณน้อยลงด้วย ฉะนั้นผู้ป่วยต้องได้รับวิตามิน แร่ธาตุบางชนิดทดแทนต่อเนื่อง แต่ในภาพรวม จากน้ำหนักที่ลดลง การดีขึ้นของโรคแทรกซ้อนจากความอ้วน การทานวิตามินทดแทนนั้น อาจคุ้มค่ากว่าการที่ต้องทานยารักษาโรคต่าง ๆ หรือฉีดยา เช่น ยาความดัน ยาเบาหวาน ยาไขมัน ไปตลอดชีวิต

    ความเสี่ยงจากการผ่าตัดอาจเกิดขึ้นได้เหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น การติดเชื้อ ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคประจำตัว แต่ด้วยการผ่าตัดด้วยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ เป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องแผลเล็ก มีความแม่นยำสูง จึงทำให้ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพส่งผลให้การรักษาเป็นไปได้ด้วยดี

นำทีมโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้องและโรคอ้วน และทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีประสบการณ์ ร่วมกับเทคโนยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย และห้องผ่าตัดที่มีมาตรฐานปลอดเชื้อเหมาะกับการผ่าตัดใหญ่ที่มีความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้รับบริการ ทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้รับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

การสองกล้องเย็บกระเพาะอาหารช่วยให้คนไข้ลดน้ำหนักตัวได้ประมาณ 15% ของน้ำหนักตัวเดิมภายในเวลา 1-2 ปี และผลการลดน้ำหนักนี้จะคงอยู่ได้นานอย่างน้อยถึง 5 ปี ซึ่งดีกว่าวิธีการรักษาด้วยการใส่บอลลูนไปในกระเพาะอาหาร (Intra-gastric balloon) ซึ่งให้ผลเพียงระยะสั้นๆ หากคนไข้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และนักโภชนาการ น้ำหนักที่ลดลงนี้ นอกจากช่วยให้คนไข้มั่นใจในขนาดรอบเอวที่เล็กลง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคข้างเคียงที่มาพร้อมกับความอ้วนช่วยลดระดับน้ำตาลสะสม (A1C) และระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยปรับความดันโลหิต รวมถึงการทำงานของตับให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเย็บกระเพาะอาจไม่ช่วยลดไขมันในเลือด (LDL) คนไข้จึงควรควบคุมอาหารตามหลักโภชนาการและออกกำลังกายร่วมด้วย


สัมภาษณ์ นพ.นรนนท์ บุญยืน ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้องและโรคอ้วน

แพทย์ประจำศูนย์

แผนกกุมารเวช

พญ.เมจินี เด่นศรีวิวัฒน์

กุมารแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม

ศูนย์ตรวจสุขภาพและอาชีวเวชศาสตร์

นพ.ธนิยะ วงศ์วาร

แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงอาชีวเวชศาสตร์

คลินิกศัลยกรรมทั่วไป

นพ.พงษ์ศักดิ์ สารเจริญ

ศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์